Mindful Mothering | Yoga | Self Care

Showing: 1 - 2 of 2 RESULTS
Health

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการผ่าตัดต้อกระจก

อาจจะกล่าวได้ว่าการผ่าตัดรักษาต้อกระจก หรือเลนส์แก้วตาเทียมชนิดต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างมาก  เนื่องจากว่าเมื่อคุณอายุได้ 50 ปีมาแล้ว จะพบว่าตนเองมีปัญหาของการมองเห็นไม่ชัดเจน หรือบางทีก็มัวเหมือนมีผฝ้าหรือหมอกบังอยู่ ทำให้ผิดเพี้ยนในการมองสีสันต่างๆ ไปจากเดิมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แสงสว่างที่มีมากขึ้นในการมองเห็น เมื่อคุณมีอาการเหล่านี้ จะเห็นว่าการไปตรวจกับแพทย์เพื่อลดความผิดปกติของดวงตา เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง หากว่าคุณพบว่าตนเองป่วยด้วยโรคต้อกระจก การรักษาให้มีความรวดเร็วมากที่สุด จะทำให้การมองเห็นกลับมาชัดเจนกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน  การประเมินก่อนผ่าตัดต้อกระจก  สำหรับการตรวจประเมินก่อนผ่าตัดต้อกระจก โดยที่จักษุแพทย์จะทำการตรวจสายตาให้ละเอียดมากที่สุด พร้อมมีการส่งเลนส์วัดแก้วตาเทียม เพื่อการวัดความโค้งของกระจกตาและความยาวของลูกตาเสียก่อน  จากนั้นค่อยขยายม่านตาทำให้ได้ค่าที่ถูกต้องที่สุดเพื่อคำนวณ และเลือกเลนส์ที่เหมาะสม ทำให้การใส่ในดวงตาและทำให้การที่เราจะกลับมามงเห็นได้อย่างชัดเจนไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเกินไป เมื่อคุณดูลักษณะของต้อกระจกหรือจอประสาทตาให้ละเอียดก็จะเห็นข้อมูลเรื่องเลนส์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม  นอกจากนี้แพทย์จะมีการสอบถามเรื่องโรคประจำตัว หรือยาที่ใช้เป็นประจำ โดยที่หากว่าคนป่วยกินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ก็ให้หยุดยานี้เสียก่อน ส่วนยาอื่นๆ ให้ทานตามปกติ  ส่วนยาละลายลิ่มเลือด ทางจักษุแพทย์จะปรึกษาแพทย์เฉพาะทางว่าหยุดยา 7 วันก่อนผ่าตัดได้หรือไม่  วิธีผ่าตัดต้อกระจก  1.สลายด้วยเครื่องสลายต้อ  อาจจะกล่าวได้ว่าการรับความนิยมวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้เวลาแค่ 30 นาที ไม่ต้องไปค้างคืนที่โรงพยาบาล ไม่ต้องดมยาสลบอีกด้วย ทำตอนหยอดยาชาเท่านั้น และมีการเปิดช่องเล็กๆ ที่ขอบตาดำ ราวๆ สามมิลลิเมตรและสอดเครื่องมือสลายต้อไปที่ตัวต้อกระจก ทำให้ถุงหุ้มเลนส์เป็นวงกลม และปล่อยพลังงานความถี่สูงระดับอัลตร้าซาวน์ไปสลายท่อนั่นเอง  2.ผ้าตัดรักษาต้อกระจก  เป็นวิธีผ่าตัดแบบดั้งเดิมสำหรับต้อกระจกที่แข็งและสุกมากๆ ไม่เหมาะสมกับการสลายด้วยเครื่อง …

Health

เหตุผลที่หลายๆ คนไม่กล้าเลือกการดูแลประคับประคอง

อาจจะกล่าวได้ว่าในยุคนี้มีคนป่วยเป็นจำนวนมาก และคนป่วยหลายๆ คนเองก็มีความวิตกกังวลในหลายต่อหลายเรื่องเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ดีหากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการดูแลประคับประคอง มาดูพร้อมๆ กันดีกว่าไหมว่าการดูแลประคับประคองมีเรื่องน่ารู้อย่างไร และเหตุผลที่หลายๆ คนไม่กล้าดูแลแบบประคับประคองคืออะไร  1.ไม่อยากให้คนที่เรารักต้องจากไปโดยไม่ได้รักษา  คำว่าจากไปโดยไม่ได้รักษา ดูจะเป็นชุดความคิดที่ติดอยู่ในใจหลายๆ คนมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าอยากให้การดูแลคนที่เรารักเป็นไปอย่างเต็มที่ เช่น การรักษาทางการแพทย์ การผ่าตัด อาจจะกล่าวได้ว่าการดูแลโดยประคับประคองนั้นอาจทำให้เกิดผลที่เหมือนๆ กับว่าทำให้คนที่เรารักจากไป โดยไม่ได้ทำอะไรเลย บางคนอาจจะคิดว่า หรือควรจะต่อท่อช่วยหายใจดี ควรจะเจาะคอดี หรือผ่าตัดเพื่อเอาการอักเสบที่มีอยู่ออกไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะรักษาแบบไหนนั้น สิ่งที่ทุกคนควรจะคำนึงถึงมากที่สุดน่าจะเป็นการสอบถามความสมัครใจของคนป่วยมากกว่าอย่างอื่นๆ  เพราะหากว่าคุณทำการรักษาโดยตามใจและไม่ได้ถามคนที่ป่วย อาจกลายเป็นว่าคุณไปบังคับเขาก็เป็นไปได้ และเชื่อหรือไม่ว่า จากผลสำรวจส่วนใหญ่นั้น คนป่วยไม่ได้ทำการรักษาเพราะว่าตนเองอยากจะหาย แต่ว่ารักษาเพราะเกรงใจคนที่ตนเองรักมากกว่า แม้ว่าคนป่วยจะอยากยอมแพ้เพียงใด แต่คนที่รัก เช่น ญาติ สามี ภรรยา บุตร กลับไม่ยอมให้คนป่วยได้พักผ่อน  2.คิดว่าจุดหมายปลายทางของการรักษาคือการหายขาด  สำหรับอันดับต่อไปที่นับว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างมากของการรักษาโรคเรื้อรังก็คือ การคิดว่าจุดหมายปลายทางการรักษาคือการหายขาดทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หากว่าอยากให้หายขาดจริงๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาเรื่องของโรคใหม่อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่คิดว่าการรักษาคือการหายจากโรคต่างๆ อย่างแท้จริง ควรทำการปรึกษาแพทย์ให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้มั่นใจว่าแท้ที่จริงแล้ว ปลายทางการรักษาคืออะไร สิ่งใดคือคุณภาพชีวิตที่ดีของคนป่วย มากกว่าจะคำรึงแต่ความต้องการของตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นก็แปลว่าเห็นแก่ตัวในอีกรูปแบบหนึ่ง  หลายๆ คนก็คงจะเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าการดูแลประคับประคอง แท้ที่จริงแล้วมีข้อดีอย่างมาก …